เรกิดั้งเดิมญี่ปุ่น VS เรกิทั่วไปตะวันตก แตกต่างกันยังไง?

Mikaousui and student

เรกิดั้งเดิมญี่ปุ่น VS เรกิทั่วไปตะวันตก แตกต่างกันยังไง?

 

เรกิเป็นพื้นฐานพลังงานที่ง่ายที่สุด เหมาะสมสำหรับมือใหม่และการเริ่มต้นในสายพลังงาน และด้วยพลังงานที่มีความถี่สูง จากแหล่งพลังงานเบื้องบน ทำให้เรกิได้รับการรู้จักและยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลก โดยเฉพาะในฝั่งตะวันตก ในขณะที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น ฝั่งตะวันออก

แน่นอนว่าทั้ง 2 สาย มีความแตกต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา ต่างศาสนา ต่างความเชื่อ ดังนั้น “เรกิ ” ในมุมมองของทั้ง 2 แบบนั้นต่างกันยังไง?

เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ แอนขอเรียกว่าเป็น #เรกิสายญี่ปุ่นดั้งเดิม กับ #เรกิสายตะวันตก นะคะ

 

เรามาเริ่มกันที่ความแตกต่างระหว่าง ของวัตถุประสงค์ กันก่อนค่ะ

______________________

พัฒนาจิต VS ฮีลลิ่ง

reiki japan vs Western

 

______________________

เรกิสายญี่ปุ่นดั้งเดิม

ข้อนี้เป็นความต่างอย่างมากของเรกิทั้ง 2 สาย
เรกิถูกค้นพบโดยท่านอาจารย์ มิคาโอะ อูซุย (Mikao Usui) พระญี่ปุ่นในศาสนาพุทธ นิกายเทนได

Mikao usui

ทำให้การใช้พลังงานของท่านอาจารย์ อูซุยนั้นเป็นไปเพื่อให้จิตใจสบาย โล่ง โปร่ง ด้วยพลังงานเรกิที่มีความถี่สูง มีการสั่นสะเทือนที่สูง ทำให้สภาวะจิตถูกปรับขึ้นไปให้สูงในระดับเดียวกับพลังงานนั้น ซึ่งพร้อมต่อการปฏิบัติ เพื่อยกระดับจิต และพัฒนาจิตต่อไป

และด้วยพลังงานของอาจารย์อูซุยที่มีความถี่สูง ทำให้ผู้คนรอบข้างสัมผัสได้ถึงพลังงาน ความถี่และออร่าที่สูงของเขาอยู่เสมอ ถึงขนาดว่าลูกศิษย์ของท่านอาจารย์อูซุยได้กล่าวถึงว่า ท่านอูซุยเป็นคนที่มีพลังสูง และออร่าของท่านก็แผ่ออกมาจนคนรอบข้างสัมผัสได้ แค่เพียงอยู่ใกล้ ๆ หรือทำสมาธิใกล้ ๆ ก็สามารถรับรู้ถึงพลังงานและความถี่ของท่านอาจารย์ได้

โดยในสมัยแรกเริ่มของเรกิ ยังไม่ได้มีกระบวนการปรับพลังงาน (Attunement) แต่อย่างใด เพียงแค่อยู่ใกล้ท่านอาจารย์อูซุยก็เหมือนได้รับการปรับพลังงานไปแล้ว ดังนั้นพลังงานของท่านอาจารย์อูชุย ช่วยทำให้คนที่มาฝึกกับท่านก้าวหน้าทางจิตวิญญาณไปได้เร็วด้วยเช่นกันค่ะ

 

ดังนั้นหากเรานึกย้อนกลับไป

ถึงจุดกำเนิดของเรกิ --> ที่ประเทศญี่ปุ่น --> จากพระญี่ปุ่น --> ศาสนาพุทธ นิกายเท็นได

เราก็จะเข้าใจได้ว่าการนำเรกิไปใช้เพื่อการพัฒนาจิตวิญญาณจึงเป็นวัตถุประสงค์หลักดั้งเดิมมาค่ะ

______________________

เรกิสายตะวันตก

การนำพลังงานเรกิมาใช้เพื่อการฮีลลิ่งนั้น จริง ๆ เกิดจากลูกศิษย์ของอาจารย์อูซุย ที่ชื่อว่า คุณชูจิโระ ฮายาชิ (Chujiro Hayashi) ที่มีอาชีพแพทย์แผนจีน ได้พบว่าพลังงานเรกิสามารถส่งออกไปผ่านทางฝ่ามือได้ จึงได้ร่วมกับลูกศิษย์ของอาจารย์อูซุยอีกคนคือ คุณโตชิฮิโตะ อิคูชิ (Toshihito Eguchi) คิดค้นและพัฒนาการส่งพลังงานด้วยมือไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จนสามารถนำพลังงานเรกิไปใช้ร่วมกันกับการบำบัดที่คลีนิคของเขาได้

Mikaousui and student

และหลังจากนั้นจึงพัฒนาหลักสูตรการใช้เรกิด้วยมือเรียกว่า ฮายาชิ เรกิ เรียวโฮ (Hayashi Reiki Ryoho) สอนต่อกับลูกศิษย์อีกทีหนึ่ง ส่วนผู้ที่ทำให้เรกิได้รับการเผยแพร่ไปสู่โลกตะวันตกที่แท้จริง นั่นก็คือ คุณฮาวาโย ทาคาตะ (Hawayo Takata) ผู้ที่เป็นลูกศิษย์ของคุณฮายาชิ (แพทย์แผนจีนที่มีคลีนิคส่วนตัว) โดยทาคาตะนำเรกิเเข้าไปเผยแพร่ที่ฮาวาย อเมริกาและทำให้เรกิแพร่ขยายและโด่งดังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

takata

ส่วนการที่สายตะวันตกเน้นการฮีลลิ่ง นั่นก็เป็นเพราะสายที่คุณทาคาตะได้สืบทอดมาจากคุณฮายาชิ ซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการใช้งานของเรกิเพื่อให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์กับคลีนิคส่วนตัวของเขา จึงทำให้มีการบำบัดด้วยมือ ส่งผ่านพลังงานไปยังส่วนต่าง ๆ อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย และมีวัตถุประสงค์เพื่อการบำบัดฮีลลิ่ง ทำให้แนวคิดนี้ถูกส่งผ่านต่อไปยังเรกิสายตะวันตก และทำให้แพร่หลายมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ

จะบอกว่าสายตะวันตกทำให้เรกิแพร่หลายและโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่ผิดอะไรค่ะ เพราะหากนึกย้อนกลับไป พลังงานเรกิดั้งเดิมมีวงจำกัดในการเผยแพร่เพียงแค่ในสำนัก ไม่ได้เผยแพร่แก่คนภายนอก และก็ไม่ได้ถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกจากพัฒนาจิตวิญญาณ เรกิก็คงศึกษาได้เฉพาะนักบวชและศิษย์ในสำนักและคงไม่ได้เผยแพร่ให้เราได้ศึกษากันจนถึงทุกวันนี้ค่ะ

______________________

กล่าวได้ว่าเรกิเป็นพลังงานที่มีความถี่สูง มีการสั่นสะเทือนสูง การจะนำมาใช้เพื่อการพัฒนาจิตตามวัตถุประสงค์ดั้งเดิมก็ย่อมทำให้สามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว (ดังที่ท่านอาจารย์ อูซุยได้ปฏิบัติไว้)
แม้แต่การนำพลังเรกิมาใช้ให้เกิดประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของผู้ฝึกเองนั้น ก็ย่อมทำให้ได้รับประโยชน์อย่างมากที่สุดเช่นกันค่ะ ยิ่งหากเรานำมาใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้ ด้วยความกลมกลืน จะยิ่งทำให้เราสามารถใช้พลังเรกิได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยค่ะ

แรกเริ่ม แอนเรียนเรกิ เพราะอยากจะสัมผัสพลังงาน และได้บำบัดทั้งตัวเองและคนรอบข้าง ซึ่งทำให้เราใช้พลังงานให้เกิดผลในเชิงกายภาพ

แต่พอได้ศึกษาศาสตร์พลังงานอื่น ๆ ร่วมด้วย ก็พบความจริงว่าพลังงานนั้นมีผลมากกว่าแค่เชิงกายภาพ แต่มันยังส่งผลต่อทั้งจิตและอารมณ์อย่างมีนัยยะสำคัญ และผลในเชิงกายภาพนั้นเป็นแค่ชั้นเลเยอร์แรกของการเรียนรู้เรื่องพลังงานเท่านั้น ยังมีเลเยอร์อีกมากเช่น กายเนื้อ ปราณ ชี่ ความคิด อารมณ์ จิตวิญญาณ ตัวตนที่แท้จริง เป็นต้น

Aura layer

จนตอนนี้เจตนาหรือเป้าประสงค์ของการเรียนรู้ก็เป็นเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณ พัฒนาตัวเอง ได้ส่งต่อความรู้ ประสบการณ์ที่ได้พบเจอมา ให้กับผู้อื่น เหมือนการจุดไฟต่อให้กับคนอื่นอย่างที่เคยได้รับมา ก็ทำให้ได้เห็นผลในระดับที่ไม่เชิงกายภาพมากขึ้น

“สุดท้ายแล้วเมื่อเลเยอร์ด้านบนหรือด้านจิตวิญญาณถูกพัฒนา ก็ส่งผลต่อเลเยอร์ด้านล่างคือกายภาพเช่นกัน”

 

พบกันบทความหน้าค่ะ 🙂

 

❤️ Soul Good Healing ❤️
อยากให้ทุกคนได้สัมผัสพลังงานที่มีอยู่จริง
และได้พัฒนาทางด้านจิตวิญญาณไปร่วมกันค่ะ
#เรกิ
#เรกิญี่ปุ่น
#โชเด็น
#สอนเรกิ
#เรียนเรกิ
#reiki
#shoden
#balance

1 thoughts on “เรกิดั้งเดิมญี่ปุ่น VS เรกิทั่วไปตะวันตก แตกต่างกันยังไง?

  1. Pingback: "สัญลักษณ์" เรกิดั้งเดิมญี่ปุ่น VS เรกิทั่วไปตะวันตก

Comments are closed.