“กายทิพย์มีจริง?”
.
.
อ่านตอนที่ 1 “คุณรับข้อมูลแสงออร่าจากคน/สถานที่ได้รึเปล่า?” ออร่า (Aura) ตอนที่ 1
.
อ่านตอนที่ 2 “กายเนื้อหายไป แต่กายทิพย์ยังคงอยู่” ออร่า (Aura) ตอนที่ 2
.
.
.
โลกใบนี้มีสนามแม่เหล็กอยู่รอบ ๆ เป็นแม่เหล็กสองขั้วชนิดหนึ่ง ซึ่งมีขั้วด้านหนึ่งอยู่ใกล้ตำแหน่งขั้วโลกเหนือ และขั้วอีกด้านหนึ่งอยู่ใกล้ตำแหน่งขั้วโลกใต้
สนามแม่เหล็กนี้แผ่ออกไปไม่มีที่สิ้นสุด แม้จะมีความเข้มสนามอ่อนลงเรื่อยๆ เมื่ออยู่ห่างจากแหล่งกำเนิด ขอบเขตสนามแม่เหล็กของโลกแผ่ออกไปครอบคลุมเนื้อที่หลายหมื่นกิโลเมตรในห้วงอวกาศ ในปัจจุบันสนามแม่เหล็กโลกอยู่ในช่วงที่มีกำลังอ่อน สนามแม่เหล็กโลกเป็นสิ่งที่จำเป็นที่เอื้ออำนวยในการดำรงชีวิต หากปราศจากสนามแม่เหล็กโลกแล้ว อนุภาคพลังงานสูงจากดวงอาทิตย์และอวกาศ จะพุ่งชนพื้นผิวโลก ทำให้สิ่งมีชีวิตไม่สามารถดำรงอยู่ได้ (วิกิพีเดีย)
.
ร่างกายของมนุษย์เรานั้นก็มีสนามแม่เหล็กอยู่รอบ ๆ เช่นเดียวกันค่ะ มีขั้วด้านล่างอยู่ที่ฝ่าเท้า และขั้วสูงสุงอยู่ที่ศีรษะ มนุษย์เราดำรงชีวิตอยู่ได้และถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังงาน เราต้องการพลังงานที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะพลังงานจากกระแสและสนามแม่เหล็กไฟฟ้าของโลกมาใช้เพื่อกระบวนการเผาผลาญ (Metabolic) เช่น การแลกเปลี่ยนระหว่างเซลล์ ระบบภูมิคุ้มกัน สัญญาณประสาท การแลกเปลี่ยนไอออนของกระแสเลือดและของเหลวในเนื้อเยื่อ
.
.
โดยสนามพลังงานแม่เหล็กของแต่ละบุคคลจะอยู่รอบ ๆ ร่างกายเราค่ะ ล้อมรอบเป็นรัศมีที่เราเรียกกันว่า “ออร่า” หรือว่า “กายทิพย์” ในต่างประเทศจะเรียกกันว่า ร่างแอสทรัล (Astral Body), ร่างอีเธอริค (Etheric Body) เป็นต้น
แนวคิดเรื่องออร่านี้มีการศึกษามานานแล้วค่ะ มีการตั้งสมมุติฐานว่าทุกส่วนของร่างกายสิ่งมีชีวิต ทั้งมนุษย์และสัตว์นั้น หากพลังงานอยู่ในระดับที่เหมาะสมก็จะแผ่พลังงานออกมาได้เสถียร มีความแน่นอน และร่างในชั้นอีเธอ์,อีเธอริคของสิ่งมีชีวิตนั้นก็จะอยู่ในภาวะสมดุล แต่หากว่าระดับพลังงานสูงหรือต่ำเกินไป ร่างอีเธอร์จะเข้าสู่ภาวะเสียสมดุล และส่งผลให้ร่างกายทางกายภาพเจ็บป่วยได้ โดยเชื่อว่า
- ร่างกายมนุษย์เราจะปกติดี หากร่างอีเธอร์สมดุล และ
- ร่างกายมนุษย์จะไม่เป็นอะไรเลย หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับร่างอีเธอร์ก่อน
.
>>> สรุปคือ เมื่อร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุล มีความสุข มีพลังชีวิต ออร่าก็จะขยายออก สว่าง สดใส และเปล่งประกาย
แต่หากร่างกายเสียสมดุล เศร้า เครียด เสียใจ ป่วย ไม่สบายใจ ออร่านั้นก็จะหดเข้ามาและหมองหม่น ยากที่จะเปล่งประกายออกมาได้ค่ะ
.
โดยในการเรียนรู้เรื่องพลังงานในขั้นสูงขึ้นไป ออร่าถูกแบ่งออกเป็นหลายเลเยอร์ (Layer)ค่ะ
หากแบ่งตามสากลทั่วไป จะแบ่งออกเป็น 4 เลเยอร์
เรียกว่า ระบบแบบจำลองร่างกายทั้ง 4 ประกอบไปด้วย (4 Bodies Model System)
1. กายภาพ,กายเนื้อ (Physical Body)
2. กายชั้นที่เป็นปราณ,ชี่ (Etheric Body)
3. กายชั้นอารมณ์,ความคิด (Astral Body)
4. กายที่เป็นตัวตนที่แท้จริง (Ego)
ที่จริงแล้วแต่ละชั้นยังมีการแบ่งเลเยอร์ออกให้ละเอียดย่อยลงไปอีกนะคะ มีมากถึง 7 หรือ 9 ชั้น ขึ้นอยู่กับความละเอียดในการแยกชั้นเลเยอร์ขึ้นไปอีก
โดยในเลเยอร์ Ego ยังมีแยกออกเป็น ร่างมูลเหตุแห่งกรรม (Causal Body), ร่างแห่งจิตวิญญาณ (Spiritual Body) และ ร่างอันศักดิ์สิทธิ์ (Divine Body)
โดยในสายพลังงานและการฮีลลิ่งในขั้นสูง…มีวัตถุประสงค์การฮีลในระดับที่ลึกลงไป ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ทางกายภาพหรืออารมณ์เท่านั้น
แต่ลงไปถึงระดับความคิด ตัวตน หรือจิตวิญญาณเลยทีเดียว
หากมีโอกาสในบทความต่อไป จะมาเขียนต่อนะคะ
.
.
ในคลาสเรกิ ก็มีการฝึกการแสกนออร่าเช่นเดียวกัน
เพราะเมื่อเราสามารถสัมผัสออร่าได้แล้ว
เราก็จะเข้าใจ สมองแปลผลว่ามันมีอยู่จริง
สัมผัสได้ และให้จิตสำนึกก็แปลผลได้
.
ที่สุดแล้ว เรื่องพลังงานก็มีอยู่มานานแล้ว
แค่รอให้คุณไปรับรู้และเข้าใจมันเท่านั้นเอง 🙂
.
—————————-
—————————-
ประชาสัมพันธ์ วันพฤ.นี้ 20:30 น. แอนมีจัดกิจกรรมทำสมาธิประจำเดือนค่ะ
เดือนนี้ธีม “ทำสมาธิ…เติมไฟในการทำงาน” เติมพลังชีวิตให้เต็มเปี่ยม…พร้อมสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานและสร้างประโยชน์ต่อไปค่ะ 🙂
ใครสนใจแจ้งได้ที่นี่เลยนะคะ
แล้วพบกันนะคะ
❤️ Soul Good Healing ❤️
อยากให้ทุกคนสัมผัสพลังงานที่มีอยู่จริง
และพัฒนาจิตวิญญาณไปร่วมกันค่ะ
#ทำสมาธิ
#meditation
#reiki
#เรกิญี่ปุ่น
#aura
#ออร่า
Pingback: "ออร่าดี...มีประโยชน์ยังไง?" ออร่า (Aura) ตอนที่ 4