แอนเพิ่งกลับมาจากประเทศจีนค่ะ
เดือนที่แล้วพานักเรียนไปตามรอยเรกิกันที่ญี่ปุ่น ทริปนี้เลยพาคุณครอบครัวไปเที่ยว ไปรับพลังที่จีนบ้าง
เรื่องพลังงานของสถานที่ เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังอีกที มีหลายที่ที่พลังงานเข้มข้นมาก ๆ เลย มีโอกาสจะจัดทริปรับพลังที่จีนด้วยน่าจะดี ^^
แต่โพสต์นี้อยากจะแชร์ เรื่องที่น่าสนใจของร่างกายและจิตไร้สำนึกในระหว่างทริปที่เกิดขึ้นค่ะ เพื่อให้คุณพอเข้าใจแบบง่าย ๆ และเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ค่อย ๆ อ่านไปนะคะ
ทริปนี้แอนไปเส้นทางสุดฮอตของมณฑลยูนนาน
เมืองต้าลี่ ลี่เจียง ภูเขามังกรหยก (Jade Dragon) และคุนหมิงค่ะ
ที่จริงสถานที่เหล่านี้แอนเคยไปมาหมดแล้ว แต่รอบนี้ต่างไป เพราะไปกับครอบครัวและญาติ ตามสไตล์คนไทยเชื้อสายจีนที่ญาติเยอะค่ะ ^^ เราเลยจ้างบริษัททัวร์ส่วนตัวไปกันได้ 1 กรุ๊ปแบบมีแต่พวกเราเอง
ตั้งแต่ได้เห็นแพลนเที่ยว ก็รู้แล้วว่าทริปนี้ไม่เบา เพราะไปขึ้นภูเขาหลายลูกเลย โดยเฉพาะภูเขาหิมะ ที่ความสูง 3,000-5,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล
จากประสบการณ์ที่แอนเคยไปปีนเขาหิมะฮาปา ที่ระดับ 5,396 เมตรมาแล้ว ซึ่งด้วยสภาพอากาศและร่างกายตอนนั้นทำให้ไปสุดที่ 4,600 เมตร ก็ยังรู้สึกว่าต้องเตรียมพร้อมร่างกายและความแข็งแรงมาประมาณนึงเลย รอบนี้จะต้องคอยดูแลคุณแม่อย่างใกล้ชิดแน่ ๆ
คุณแม่ของแอนก็เป็นผู้สูงอายุท่านนึง
และสุขภาพร่างกายก็ไม่เรียกว่าปกติเท่าไหร่ เพราะมีหมอนัดทุก 2 สัปดาห์ อีกทั้งน้ำหนักก็เกินมาตรฐาน(ไปเยอะ)ค่ะ
ระหว่างทริปแม่ก็เอนจอยกับอาหาร สถานที่ อากาศ การถ่ายรูป วิว ฯลฯ ตลอดทาง ดูแล้วยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง…
จนกระทั่ง…
วันที่ 2 ที่เราเริ่มจะขึ้นที่สูงไปยังหมู่บ้านลี่เจียง หมู่บ้านโบราณที่เป็นมรดกโลก หากใครเคยไปคงจะพอทราบว่าลี่เจียงเป็นหมู่บ้านที่สร้างอยู่ตามแนวเขา ซึ่งตัวหมู่บ้านก็ต้องเดินเท้าขึ้นเขาไป
เดินขึ้นแล้วก็ต้องเดินลง ขึ้นเขาแล้วก็ต้องลงเขา กลับออกมาทางเดิม
เดินไปซักพัก แล้วแม่ก็เริ่ม…
-ปวดเข่า
-ปวดขา
-ปวดเท้า
-เหนื่อยหอบ
-หายใจไม่ทัน
เหล่านี้เป็นการส่งสัญญาณของจิตไร้สำนึกที่บอกว่า
ร่างกายเหนื่อย เกินสภาวะปกติที่เคยทำมาแล้วนะ ให้มาสนใจร่างกายหน่อย
เราเลยนั่งพักที่ร้านกาแฟกันซักพักใหญ่ ด้วยทุกคนก็เป็นห่วงกับคุณแม่ว่า ยังเหลืออีกหลายวันที่ต้องขึ้นเขา ก็เกรงว่าคุณแม่จะไม่ไหว ซึ่งในตอนนั้นคุณแม่ก็เหมือนจะไม่ไหวจริง ๆ
แต่คุณรู้มั้ยว่า…จิตไร้สำนึกมีความพิเศษอยู่อย่างนึงค่ะ
กูรูระดับโลกหลายคนก็ใช้ศาสตร์ของจิตไร้สำนึกในการดึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเรา ออกมาใช้ในยามจำเป็น หรือในยามที่ต้องการพลังมหาศาล ตัวอย่างที่เราเคยเห็นกันบ่อย ๆ เวลาไฟไหม้ บางคนยังสามารถยกโอ่ง ยกตู้เย็น ยกของหนัก ๆ ที่ในสภาวะปกติเราคงไม่สามารถยกกันได้ แต่ในยามจำเป็น มนุษย์เราสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดได้อย่างน่าเหลือเชื่อ!
หลักการง่าย ๆ ของจิตไร้สำนึกคือ…
• จิตไร้สำนึก “รับรู้” ทุกอย่างที่เราพูด
• จิตไร้สำนึก “รับรู้” ทุกอย่างที่เราได้ยิน
• จิตไร้สำนึก “รับรู้” ทุกอย่างที่เราเห็น
• จิตไร้สำนึก “รับรู้” ทุกอย่างที่เราคิด
และจิตไร้สำนึกจะ “เก็บ” ทุกข้อมูลเหล่านั้น เพื่อส่งสัญญาณและตอบสนองทางร่างกาย สื่อสารกลับมาให้เราได้รับรู้
ดังนั้น …
“เราโฟกัสอะไร จิตไร้สำนึกก็โฟกัสสิ่งนั้น ร่างกายก็จะตอบสนองตามสิ่งที่เราโฟกัสด้วยเหมือนกัน”
ในทุก ๆ การเดินขึ้นเขา เดินลงเขา นั่งพัก
แอนมักจะบอกกับแม่เสมอว่า …
“เยี่ยมมาก”“เก่งมากเลยเลยแม่”“โห นี่เดินมาตั้งเยอะแล้ว สุดยอดๆ”“เดินเก่งเชียว”
(พูดจริง ๆ ด้วยนะคะ คนอายุมากแล้ว เดินขึ้นเขาแบบนี้ได้ นี่มันคือสุดยอดมาก เก่งมากจริง ๆ ค่ะ)
และโชคดีที่แอนเคยให้แม่ใช่เทคนิค Emo-Qi Solution เพื่อสื่อสารกับจิตไร้สำนึกมาก่อนแล้ว แม่เลยพอเข้าใจว่าร่างกายและจิตไร้สำนึกกำลังสื่อสารกันตลอดเวลา!
แม่ก็จะตอบรับทันทีว่า…
• “ขอบคุณร่างกายที่ให้เราเดินมาถึงตรงนี้”• “ขอบคุณขาที่พาเรามาบนนี้ได้”• “ขอบคุณหัวใจที่ช่วยให้เรามาไหว”• “ขอบคุณตัวเองที่พามาถึงจุดนี้”• พร้อมกับเอามือจับไปตามอวัยวะของร่างกาย ตามแต่ละประโยคที่พูดออกไป
เชื่อไหมคะว่า…
-ทั้ง ๆ ที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวหนาวมาก เดี๋ยวแดดออก สลับกันไปทุกวันตลอดทริป
-แต่ทริปนี้คุณแม่เดินขึ้นถึงยอดสุดของหมู่บ้านลี่เจียง ในขณะที่หลายคนเดินแค่ครึ่งทางก็ไม่ไปต่อแล้ว
-เดินขึ้น เดินลงเขา
-เดินขึ้นไปภูเขาหิมะมังกรหยก
-เดินรอบสวนสระมังกรดำ
-เดินเที่ยวรอบอุทยานน้ำหยก
-เดินลงจากภูเขาซีซานที่บันไดมากกว่า 300+ ขั้น
-แล้วยังไปเดินช้อปปิ้งถนนคนเดินต่อได้อีก
เรียกได้ว่าแม่เดินวันละประมาณ 12,000-16,000ก้าว
เดินไปพอ ๆ กับที่แอนเดินได้เลย
ในขณะที่ก่อนจะจบทริปคนในทริปเริ่มป่วยกันเกินครึ่ง
แต่แม่เดินฉิว เดินไปจนครบทุกสถานที่เลย กลับมาเมืองไทยก็สบาย ยังหยิบรถเข็นมาเข็นกระเป๋าเองด้วย ^^
ร่างกายได้ก้าวข้ามขีดจำกัด ที่(เคย)คิดว่าเดินไม่ไหวออกไปหมดเลย
แค่เพียง “สื่อสาร” ให้จิตไร้สำนึกช่วยกัน – ให้ร่างกายพาเดินไปด้วยกัน
ที่จริงแล้ว…
จิตไร้สำนึกเราทำงานตลอดเวลา อยู่ในแบล็กกราวด์ของร่างกายเรา คอยดูแลการทำงานของร่างกาย อวัยวะและระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย รวมทั้งส่งผลกับชีวิตของเราตามทุก ๆ สิ่งที่เรารับเข้ามา
• เราคิดอะไร…จิตไร้สำนึกก็คิดตามอยู่ตลอดเวลา
• เราพูดอะไร…จิตไร้สำนึกก็บอกตัวเองแบบนั้นอยู่ตลอดเวลา
• เราฟังอะไร…จิตไร้สำนึกก็ได้ยินอยู่ตลอดเวลา
• เราเห็นอะไร…จิตไร้สำนึกก็เห็นตามอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นเราอยากให้ ชีวิตของเราเป็นแบบไหน
ก็ให้จิตไร้สำนึกของเรา “รับ” ข้อมูลแบบนั้นเข้ามา
*ถ้าเราอยากให้ชีวิตเรา มีแต่สิ่งดีดี มีแต่พลังงานดีดี ก็ให้รับเอาแต่สิ่งดีดี คิดแต่สิ่งดีดี พูดแต่สิ่งดีดี
สนใจความรู้สึกตัวเอง สนใจสัญญาณที่ร่างกายต้องการสื่อสาร
*ถ้าเราอยากหลีกเลี่ยงมลพิษ Toxin พลังงานลบ อารมณ์ลบ ก็เลิกเอาข้อมูลขยะเข้ามา เลิกเสพข้อมูลที่ดึงดูดสิ่งเหล่านั้นเข้ามา เลิกสนใจคนอื่น
เพราะสุดท้าย“เราจะเป็นคนแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากระทำเช่นกันค่ะ”
สุดท้ายนี้…
จิตไร้สำนึกเราพยายามสื่อสารกับเราตลอดเวลา ผ่านทางอารมณ์ ความรู้สึก อาการทางร่างกาย สัญญาณของร่างกาย
• สิ่งไหนดี/ไม่ดี
• สิ่งไหนชอบ/ไม่ชอบ
• สิ่งไหนเหมาะกับเรา/ไม่เหมาะกับเรา
• สิ่งไหนมีประโยชน์/ไม่มีประโยชน์
• สิ่งไหนเพิ่มพลัง/ลดพลัง
ร่างกายก็จะตอบสนองออกมาให้เราได้รับรู้ทั้งหมดเลยค่ะอยู่ที่ว่า เราจะ “เข้าใจ” สัญญาณของร่างกายไหม?
ถ้าอยาก “เข้าใจ” สัญญาณที่ร่างกายพยายามสื่อสารกับเรา
อาจเริ่มง่าย ๆ ด้วยการสื่อสารกับร่างกายก็ได้ค่ะ
ดูว่าสิ่งของแต่ละอย่าง ร่างกายเราตอบสนองแตกต่างกันยังไง
ของที่เราชอบ ร่างกายตอบสนองยังไง?
ของที่เราไม่ชอบ ร่างกายตอบสนองยังไง?
แล้วคุณจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของทุก ๆ สิ่งที่เราใช้ในชีวิตประจำวันของเราเลยค่ะ
แต่หากว่าใครอยากเข้าใจมากขึ้น
✅อยากรู้ว่าจิตไร้สำนึกเราสื่อสารกับเรายังไงบ้าง?
✅ร่างกายเราสื่อสารแบบชัด ๆ ได้ยังไงบ้าง?
✅พร้อมกับเครื่องมือวัดพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม
✅แล้วยังมีวิธีกระตุ้นเส้นลมปราณ ให้คุณได้เพิ่มพลังให้ตัวเองแบบง่าย ๆ
✅โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
สัปดาห์หน้าแอนมีเวิร์คชอปทดสอบพลังงานง่าย ๆ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเข้าใจพลังงาน
รวมทั้งจิตไร้สำนึกที่พยายามสื่อสาร – ผ่านทางร่างกายของเราด้วยค่ะ
ปล. บทความนี้เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคล ควรมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างใกล้ชิดนะคะ ^^