วัดโทจิ ต้นกำเนิดของนิกายชิงกง ในญี่ปุ่น
#วัดญี่ปุ่นพลังดี
ช่วงนี้หลายคนน่าจะได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นกัน ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ รวมทั้งวัดญี่ปุ่นก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ ที่นักท่องเที่ยวมักจะปักหมุดกันไว้อยู่เสมอ
ในสายพลังงานเราก็มักจะชอบไปสัมผัสพลังงานตามสถานที่ต่าง ๆ
ถึงแม้ว่าจะเป็นวัดศาสนาพุทธเองก็ตาม แต่วัดญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นวัดนิกายมหายานและวัชรยาน ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีเอกลักษณ์ทางพลังงานที่โดดเด่น
วันนี้เราเลยอยากจะมาแนะนำวัดญี่ปุ่นที่มีพลังงานดี
ในส่วนนี้เราจะกล่าวถึงพลังงานที่เรารู้สึกว่ามีความสบาย สงบ เหมาะแก่การไปรับพลังงาน
หลายวัดที่เป็นวัดท่องเที่ยว อาจจะมีพลังงานที่แท้จริงอยู่ด้านใน แต่อาจจะเป็นเพราะนักท่องเที่ยวมาก และมาด้วยเจตนาที่แตกต่างกัน จึงอาจทำให้การเข้าถึงพลังงานที่แท้จริงยากซักหน่อย
ดังนั้นที่เราคัดมาแล้ว ให้คุณไปสัมผัสพลัง และรับพลังได้ง่าย ๆ
ไปเริ่มกันเลย!
Photo from : Toji Temple
วัดโทจิ เมืองเกียวโต (Tō-ji Temple)
ชื่ออย่างเป็นทางการคือ Kyo-o-gokokuji
เป็นวัดศาสนาพุทธ นิกายชิงกง แห่งแรกในเกียวโต ก่อตั้งโดย พระภิกษุคูไก หรือชาวญี่ปุ่นรู้จักกันในชื่อ โคโบไดชิ
เมืองหลวงของญี่ปุ่นถูกย้ายจากนาราไปยังเกียวโตในปี 794
โดยเดิมเรียกว่า “เมืองอิมพีเรียลแห่งเฮอันเกียว” (ชื่อเดิมของเมืองเกียวโต) จากทางเข้าเฮอันเคียว ถนนกว้าง 84 เมตรทอดยาวไปทางเหนือตรงไปยังพระราชวังอิมพีเรียลที่อยู่ใจกลางเมือง วัดขนาดใหญ่ 2 แห่งถูกสร้างขึ้นทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกของทางเข้าหลักของเมืองหลวงเฮอันเกียว โทจิซึ่งแปลว่า “วัดตะวันออก” ยังคงหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน น่าเสียดายที่วัดทางฝั่งตะวันตกไม่มีอีกต่อไปแล้ว
วัดโทจิ เป็นวัดที่ จักรพรรดิซากะได้ถวายเกียรติแก่พระคูไกและมอบวัดให้ในปี 823
ท่านคูไกทำให้วัดโทจิเป็นวิทยาลัยศาสนากลางของพุทธศาสนานิกายชิงกง และเพิ่มอาคารต่างๆ เช่น เจดีย์และห้องโถง ตั้งแต่นั้นมาวัดโทจิก็ได้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของนิกายชิงกง ของพุทธศาสนาในญี่ปุ่น อาคารหลักได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวและไฟไหม้ แต่ได้รับการสร้างขึ้นใหม่เพื่อรักษารูปแบบและรูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิม สมบัติล้ำค่ามากมาย เช่น รูปปั้น งานแกะสลัก ภาพวาด และงานศิลปะ เก็บไว้ในอาคารภายในวัดโทจิ
วัดโทจิ มีความโดดเด่นหลายประการ เราได้รวม 10 สิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับวัดโทจิไว้ที่นี่แล้ว
Photo from : Wikipedia
1. สร้างโดยท่านโคโบไดชิ
ท่านโคโบไดชิ (Kobo Daiahi) หรือว่าพระคูไก (KuKai) ถือว่าโด่งดังมาก เพราะท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งนักปราชญ์ ภาษา นักพัฒนา นักศิลปะ และบทกวีต่าง ๆ รวมทั้งท่านโคโบไดชิ ยังเป็นผู้ประดิษฐ์ตัวอักษร คะนะ (Kana) หรือตัวอักษรญี่ปุ่นที่ใช้กันในปัจจุบันอีกด้วย
โดยในช่วงสมัยยุคเฮอัน ท่านได้นั่งทำสมาธิกับองค์ ไดนิจิเนียวไร (บ้านเราเรียกว่าพระไวโรจนะพุทธะ หนึ่งในพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ในความนับถือของนิกายมหายานและวัชรยาน) จนได้สารว่าหากต้องการเข้าถึงแก่นของพระสูตร ให้ศึกษาบทพระสูตรลับบทหนึ่ง ซึ่งในขณะนั้นที่ญี่ปุ่นยังไม่มีการแปลภาษาของพระสูตรบทนี้ จึงเป็นที่มาของเดินทางไปประเทศจีน เพื่อไปศึกษาเพิ่มเติม เกี่ยวกับบทพระสูตรนั้น
ในระหว่างเดินทางเกิดพายุทะเล ทำให้เรือถูกพัดไปอีกท่าเรืออีกฝั่ง ซึ่งไม่ใช่จุดหมายดั้งเดิม แต่ทว่าท่าเรือนั้น กลับทำให้ท่านคูไก ได้พบกับสังฆราชของ
จนกระทั่งได้สืบทอดตำแหน่งสังฆราชลำดับที่ 7 และได้นำเอาศาสนาและพิธีกรรมทางศาสนาต่าง ๆ กลับมาจากประเทศจีน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของนิกายชิงกงในประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ครั้งนั้น
รูปปั้นแสดงถึงท่านโคโบไดชิ ที่ได้รับการถ่ายทอดตำแหน่งสังฆราชของนิกายชิงกงจากประเทศจีน
ที่มาภาพ : Kukai Kobo Daishi: The Esoteric Monk of Shingon Buddhism
2. เป็นวัดต้นกำเนิดของนิกายชิงกง ในญี่ปุ่น
วัดโทจิเลยถือเป็นวัดแรกของนิกายชิงกง และเป็นสถานที่พำนักของท่านโคโบไดชิในระหว่างที่อาศัยอยู่ที่เกียวโต ก่อนที่ท่านจะย้ายไปยังภูเขาโคยะ สถานที่สัปปายะที่ท่านเลือกไปสวดภาวนาถึงไดนิจิเนียวไรในช่วงท้ายของชีวิต (ที่ภูเขาโคยะก็มีพลังงานที่น่าสนใจ เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังถึงสถานที่บนภูเขาโคยะอีกครั้ง)
3. เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ ขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้า (สิทธัตถะ)
ที่ท่านโคโบไดชิ นำกลับมาจากประเทศจีน ซึ่งจะนำออกมาให้ประชาชนทำความเคารพบูชา เฉพาะช่วงทำวัตรเช้าและช่วงพิธีสำคัญเท่านั้น
4. อาคาร Miedo เป็นสถานที่พำนักของท่านโคโบไดชิ
ระหว่างที่อยู่ที่เกียวโตและเป็นสถานที่ทำพิธีกรรมทางศาสนา เช่น การสวดมนต์ ทำพิธีชำระล้าง ปลุกเสกเครื่องราง ฯลฯ หากใครมีเวลา แนะนำให้มาทำวัตรเช้าที่นี่ ช่วง 6:00-7:00 น. โดยพระท่านจะนำพระบรมสารีริกธาตุออกมาให้ทำความเคารพบูชาด้วย
5. อาคาร Pagoda เป็นวัดที่มีเจดีย์ 5 ชั้นสูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
โดยภายในเจดีย์ มีรูปปั้นแกะสลัก และภาพวาดประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยยุคเฮอัน ซึ่งมีอายุหลายร้อยปี ถือเป็นโบราณวัตถุที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โดยองค์การยูเนสโก ได้บันทึกให้เป็นมรดกโลกด้วย
ตัวเจดีย์เป็นโครงสร้างที่ใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้า (สิทธัตถะ) โดยปกติภายในเจดีย์จะปิดไม่ให้บุคคลทั่วไปเข้าชม ยกเว้นช่วงที่เปิดพิเศษ พระพุทธเจ้า 4 พระองค์ ตั้งอยู่บนแท่นชั้นล่างของเจดีย์รอบเสาหลัก รูปปั้นหันหน้าไปทางสี่ทิศที่แตกต่างกัน และมีภาพพุทธและลวดลายเขียนอยู่บนเสาและผนัง ส่วนองค์พระไวโรจนะพุทธะประดิษฐานที่ด้านบน (ซึ่งไมได้เปิดให้เข้าชม)
เจดีย์ 5 ชั้นของวัดโทจิเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีความสูงถึง 55 เมตร (187 ฟุต) เจดีย์องค์ปัจจุบันสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2187 องค์แรกสร้างเมื่อพุทธศตวรรษที่ 9 ตั้งแต่นั้นมา เจดีย์ก็ถูกไฟไหม้ถึง 4 ครั้ง บางครั้งก็ถูกฟ้าผ่า
อย่างไรก็ตาม เจดีย์แห่งนี้ไม่เคยถูกถล่มจากแผ่นดินไหวเลย!
6. อาคารโคโดะ (Kodo) มีรูปปั้นประดิษฐานขององค์พระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์
รวมทั้ง รูปปั้นองค์พระโพธิสัตว์และองค์เทพทั้ง 21 องค์
พระพุทธเจ้า 5 พระองค์เป็นที่เคารพนับถือของนิกายมหายาน ประกอบไปด้วย
-
- พระไวโรจนะพุทธะ
- พระอมิตาภพุทธะ
- พระอักโษภยะพุทธะ
- พระอโมษสิทธิพุทธะ
- พระรัตนสัมภวะพุทธะ
ภายในโคโดะ มีการวางรูปปั้นพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ตามมันดาลา (Mandala) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของนิกายชิงกง มันดาลาถือว่าเป็นตัวแทนของโลกแห่งการตื่นรู้ซึ่งสะท้อนให้เห็นในตำแหน่งของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ตามลำดับ
ซึ่งโดยปกติแล้วมันดาลาจะวาดเป็นสองมิติ แต่ภายในอาคารโคโดะเป็นมันดาลาแบบ 3 มิติ โดยมีพระประธานเป็นองค์ ไดนิจิ เนียวไรอยู่ตรงกลางของอาคาร
(ด้านในไม่ให้ถ่ายรูป)
Photo from : 5 Buddhas Toji Temple
7. อาคารคอนโดะ (Kondo) มีรูปปั้นประดิษฐานขององค์พระไภษัชยคุรุ
ชาวญี่ปุ่นรู้จักกันในชื่อ ยาคุชิเนียวไร (Yakushi Nyorai) เป็นที่รู้จักในนามพระพุทธเจ้าแห่งการแพทย์ สุขภาพและการรักษา ผู้ทรงรักษาความเจ็บป่วยของร่างกายและจิตวิญญาณของทุกคนด้วยความเมตตา ซึ่งประดิษฐานอยู่ตรงกลาง
รวมทั้งยังมี พระโพธิสัตว์ทั้ง 2 ด้าน ที่ได้รับการนับถือให้เป็นพระพุทธเจ้าแห่งสุขภาพและการรักษาด้วย
ที่น่าสนใจคือ พระพุทธรูปองค์เล็กๆ 7 องค์บนรัศมีนั้นเป็นพระคู่ของพระไภษัชยคุรุ และเป็นสัญลักษณ์ของรูปแบบต่างๆ ของพระไภษัชยคุรุ ที่ปรากฏต่อผู้คนเพื่อช่วยพวกเขาจากโลกแห่งความทุกข์ทรมานนี้
ส่วนที่ด้านประทับล่าง มีแม่ทัพสวรรค์ทั้ง 12 องค์ซึ่งอยู่ใต้อาสนะของพระไภษัชยคุรุ เป็นผู้ปกป้องพระพุทธเจ้า หมายถึง 12 ชั่วโมงกลางวันและกลางคืน 12 เดือนในหนึ่งปี และ 12 ทิศของนักษัตรจีน สิ่งนี้สะท้อนถึงความเชื่อที่ว่าพวกเขากำลังปกป้องผู้คนทุกคนอย่างต่อเนื่อง
นิกโก โบซัตสึ (Nikko Bosatsu) ทางด้านขวามือคือพระโพธิสัตว์แห่งดวงอาทิตย์ คนไทยเรียกว่า “พระสุริยประภาโพธิสัตว์”
กักโกะ โบซัตสึ (Gakko Bosatsu) ด้านซ้ายมือคือพระโพธิสัตว์แห่งดวงจันทร์ คนไทยเรียกว่า “พระจันทรประภาโพธิสัตว์”
*มีเรื่องเล่าที่น่าสนใจเกี่ยวกับการรับพลังที่นี่ เป็นประสบการณ์ส่วนตัว
ในปีก่อนที่เราได้ไปสำรวจสถานที่ต่าง ๆ ของวัดญี่ปุ่น ทั้งภูเขาศักดิ์สิทธิ์ และวัดต่าง ๆ โดยต้องเดินทางขึ้นเขาหลายลูก ทำให้เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยหกล้มบนเคเบิ้ลคาร์ ทำให้เจ็บข้อเท้ามาก แต่ทริปการเดินทางยังคงดำเนินต่อไป
ในวันรุ่งขึ้น เราเดินทางมาที่วัดโทจิ ในช่วงเช้ายังเจ็บข้อเท้าอยู่มาก แต่ก็พยายามมานั่งทำสมาธิ มาสัมผัสพลัง และขอพรจากองค์พระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ และพระไภษัชยคุรุ ขอให้การเดินทางราบรื่น ปราศจากโรคภัยและอาการปวดต่าง ๆ
ที่น่าประหลาดใจคือ ในวันนั้นเราลืมไปเลยว่าเราเจ็บเท้า!
วันรุ่งขึ้นเราเดินทางไปขึ้นเขาคุรามะ (อีกหนึ่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่น) โดยที่ใช้เวลาเดินบนเขา 3-4 ชั่วโมงแบบสบาย ๆ
จนขากลับ เพิ่งจะมานึกได้ว่า เอ๊ะ! วันก่อนหน้านี้เราเจ็บเท้ามาก ๆ แต่เราเดินทางได้ปกติเสมือนไม่มีอาการเจ็บข้อเท้ามาก่อน
แม้ว่าการที่ขาหายเจ็บ อาจจะเป็นเพราะระบบฟื้นฟูร่างกาย (Parasympathetic) ทำงานได้รวดเร็วมาก ๆ จากการนอนพักและผ่อนคลายตอนทำสมาธิก็ได้ แต่จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เราศรัทธาในพลังงานขององค์พระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ และองค์พระไภษัชยคุรุ ที่่วัดโทจิมาก ๆ
8. มีต้นซากุระอายุนับร้อยปีและมีสวนซากุระที่สวยงามมาก
โดยปกติซากุระจะบานในช่วงปลายเดือน มี.ค.
ที่สำคัญในช่วงปลายมี.ค.-ต้นเม.ย. ยังมีการประดับไฟต้นซากุระและเจดีย์
และจะเปิดให้เข้าชมในช่วงกลางคืนอีกด้วย
ได้บรรยากาศการดูซากุระไปอีกแบบ
Photo Credit: Toji Temple
9. มีจัดงานนิทรรศการที่อาคาร Jikido และ Homotsukan
ที่น่าสนใจคือมีมันดาลา (Mandala) ขนาดใหญ่ ตั้งประดิษฐานอยู่ด้วย เราได้เข้าไปดูแล้วยิ่งใหญ่ อลังการจริง ๆ เจ้าหน้าที่บอกว่าของแท้ดั้งเดิม
หากใครมีเวลา ลองเข้าไปแวะชมศิลปะและหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายอย่างเกี่ยวกับศาสนาในญี่ปุ่น รวมทั้งพิธีกรรมต่าง ๆ
นิทรรศการอาจจะจัดหมุนเวียนไป สอบถามทางวัดได้
10. มีตลาดนัดชุมชนวันที่ 21 ของทุกเดือน
สายช้อปปิ้งต้องถูกใจสิ่งนี้ เพราะจะมีชาวบ้าน ชุมชนมาจัดซุ้มขายของต่าง ๆ
ทั้งของใหม่และมือสอง โดยเฉพาะเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของใช้ท้องถิ่นต่าง ๆ รวมทั้งกิโมโนะด้วย สามารถมาสัมผัสวิถีการขายของชุมชนญี่ปุ่น ในเมืองเกียวโตกันได้
วัดโทจิ
ค่าเข้าชม
– 500เยน
– 800เยน (ช่วงเปิดให้เข้าชมเจดีย์)
เวลาเปิด
– 20 มี.ค. – 17 เม.ย. : 8:30 – 16:30 น.
– 18 เม.ย. – 19 ก.ย. : 8:30 – 17:00 น.
– 20 ก.ย. – 19 มี.ค. : 8:30 – 16:00 น.
ช่วงปลายมี.ค.-ต้นเม.ย. จะมีประดับไฟซากุระและเจดีย์
เปิดให้เข้าชมซากุระในตอนกลางคืนด้วย
ติดตามรายละเอียดได้ที่เวปไซด์
วัดโทจิ
ทั้งทำวัตรเช้า สัมผัสพลังงาน และรับพลังที่นี่แล้ว
หลายคนชื่นชอบและจะกลับมาอีกแน่ ๆ
บทความหน้าเราจะมาเล่าถึงวัดที่พลังดีกันที่ไหน ติดตามกันต่อได้