จักระคืออะไร?
จักระ คือ จุดรวบรวมพลังงาน กักเก็บพลังงาน และกระจายพลังงาน ไปยังส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกายเรา โดยพลังงานเหล่านี้เกี่ยวข้องกับอวัยวะภายในร่างกาย และสัมพันธ์กับเรื่องทางกายภาพต่าง ๆ เช่น การทำงาน การแสดงออก ความสัมพันธ์ การเงิน การเป็นตัวของตัวเอง การมีชีวิตอยู่ การเติบโตทางจิตวิญญาณ เป็นต้น
มีหลายคนที่มาสนใจเรื่องพลังงานและการพัฒนาจิตถามกันเข้ามาเรื่องจักระ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญและควรรู้เป็นอย่างยิ่ง แต่จะบอกว่าจักระเป็นเรื่องพื้นฐานก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะว่าแม้ในการเรียนในขั้นสูงแล้ว เรื่องจักระก็ยังคงมีรายละเอียดที่มากขึ้นไปและเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่เราต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เช่นเดียวกัน ก็เลยถือโอกาสนี้เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องจักระซะเลย เรื่องเกี่ยวกับจักระค่อนข้างมีเยอะ เลยขอแบ่งเป็นตอน ๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจท่านอื่นด้วยค่ะ ^^
สารบัญ
- จักระคือ?
- จักระเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
- จักระที่ 1
- จักระที่ 2
- จักระที่ 3
- จักระที่ 4
- จักระที่ 5
- จักระที่ 6
- จักระที่ 7
- จักระมือ
- จับพลังของขลัง
- จักระเท้า
- จักระ กับ กายภาพ อะไรเกิดก่อน?
เมื่อพูดถึงเรื่องของพลังงานหรือการพัฒนาจิตวิญญาณแล้ว แน่นอนว่าหลาย ๆ คนต้องเคยได้ยินคำว่าจักระกันมาบ้าง (แม้แต่ในหนังด็อกเตอร์ สเตร์จ ของมาร์เวล ก็มีตอนที่ด็อกเตอร์สเตร์จไปพบกับเอเชี่ยนวันพบครั้งแรก เอเชี่ยนวันแสดงให้ด็อกเตอร์สเตร์จสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เหนือเกินกว่ากายภาพ แล้วก็กล่าวถึงเรื่องนี้เช่นเดียวกัน 😉)
ข้อมูลโดยทั่วไปก็มีทั้ง
- ตำแหน่งของจักระ,
- สีของจักระ ,
- คุณสมบัติของจักระ,
- อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับจักระ,
- จักระส่งผลยังไงกับพลังงาน,
- พลังงานส่งผลยังไงกับชีวิต ฯลฯ
ซึ่งก็มีข้อมูลที่มากมายหลากหลาย ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าข้อมูลจากหลายแหล่งบางทีก็มีความแตกต่างกัน ขัดแย้งกันบ้าง จนบางครั้งหาข้อมูลจากหลายแหล่งก็มีความสับสนว่าตกลงแล้วจักระเป็นยังไงกันแน่?
ต้องบอกเลยว่าแอนก็เคยเป็นคนนึงที่ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องจักระ แล้วก็มีความสงสัยจากข้อมูลที่หลากหลายเช่นเดียวกัน 🤔 เช่น ทำไมจักระที่เกี่ยวกับเรื่องความรักถึงเป็นสีเขียว ในขณะที่พอเราพูดถึงเรื่องความรักกลับบอกว่าเป็นสีชมพู?
จนกระทั่งได้เรียนรู้ ทดสอบ ทดลองกับตัวเอง กับคนรอบข้าง และจากประสบการณ์ทั้งจากการเรียน การสอนที่ผ่าน จนทำให้เริ่มเข้าใจว่าที่จริงแล้ว การที่มันมีข้อมูลที่แตกต่างกันนั้น มันก็เป็นเรื่องปกติเลยค่ะ ^^ ลองค่อยๆคิดตามดูนะคะ…
“มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตอื่น”
แต่ละคนมีความแตกต่างกัน ไม่เหมือนกัน มีลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างกัน รูปร่างที่ต่างกัน มีลักษณะนิสัยที่ไม่เหมือนกัน รวมทั้งพฤติกรรม การใช้ชีวิต ความคิด ความเชื่อ ความชอบ ความสนใจ ที่แตกต่างกัน
ความพิเศษเฉพาะของแต่ละคนทำให้เราไม่เหมือนกับใคร แล้วก็ไม่มีใครที่เหมือนกับเรา ซึ่งนั่นทำให้คนเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความเฉพาะตัว เป็นเอกลักษณ์ ถูกต้องไหมคะ?
นอกไปจากนั้น ยังรวมถึงเรื่องราวและประสบการณ์ในชีวิตของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีก ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต รวมทั้งการเลี้ยงดู การแสดงออกและการรับรู้ต่าง ๆ ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้เรื่องพลังงานของแต่ละคนมีความแตกต่างกันด้วย นั่นก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่จักระของแต่ละคนก็ย่อมแตกต่างกันไป ตามสภาวะของแต่ละคนด้วยเช่นเดียวกัน
ลักษณะของจักระโดยทั่วไปแล้วเนี่ย ถูกมองเห็นเป็นวงล้อหมุนหรือโคนแสงที่ประกอบขึ้นเป็นส่วนของพลังงานร่างกาย (ซึ่งยังหมายรวมถึงออร่าและเส้นลมปราณของเราด้วยนะคะ) จักระเป็นจุดรวมพลังงานของร่างกาย เรากำลังพูดถึงร่างกายที่เป็นร่างพลังงาน (Etheric) ดังนั้นจักระจึงไม่ใช่อวัยวะของร่างกายนะคะ แต่เป็นจุดรวมพลังงานของร่างพลังงานเรา
โดยหลักการทำงานก็มีง่าย ๆ คือ…
พลังงานควรจะไหลไปหล่อเลี้ยงทั่วทั้งร่างกาย ทุกอวัยวะอย่างเหมาะสม
เนื่องจากจักระมีหน้าที่ในการรวบรวบ, กักเก็บ และกระจายพลังงาน ดังนั้นถ้าจักระทำงานได้อย่างปกติ ก็คือพลังงานสามารถไหลไปเลี้ยงร่างกายได้เต็มที่ แต่ถ้ามีจักระไหนที่ผิดปกติ ทำให้พลังงานไหลน้อยเกินไป หรือมากเกินไปก็จะทำให้ระบบในร่างกายแปรปรวนไปหมด ซึ่งก็เป็นสาเหตุของอาการเจ็บป่วยทั้งทางกายภาพและทางจิตใจได้ต่อไป
เปรียบเทียบง่าย ๆ เหมือน เราใช้สายยางเพื่อส่งน้ำไปยังสนามหญ้า
- ถ้าสายยางมีการใช้งานตามปกติ น้ำก็ไหลผ่านสายยางไปยังสนามหญ้าได้โดยง่าย
- แต่ถ้าสายยางมีการบีบ รัด ติดขัด ก็ส่งผลให้น้ำไม่สามารถไหลผ่านไปได้ หรืออาจจะไหลไปได้น้อยลงจากปกติ หรือถ้าติดขัดมากก็อาจจะทำให้สายยางบวมน้ำจนระเบิดออกมาได้
- หรือแม้กระทั่งสายยางรั่ว ก็จะทำให้น้ำไหลออกนอกเส้นทาง ซึ่งก็ทำให้สนามหญ้าไม่ได้น้ำอย่างเพียงพอเช่นเดียวกัน
- ยังรวมทั้งสายยางที่ใช้ไปเรื่อย ๆ ก็จะมีตะไคร่น้ำมาเกาะอยู่ภายในสายยาง ทำให้น้ำที่ไหลผ่านได้ไม่สะดวก หรืออาจจะทำให้เกิดความสกปรก ไม่ปลอดภัยในการใช้งานได้
ภาพจาก สายยาง.com
ซึ่งนอกจากจักระจะนำเอาพลังงานเข้ามาสู่ร่างกายเราแล้ว จักระยังส่งพลังงานออกจากร่างกายเราไปสู่สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเราอีกด้วย ซึ่งนั่นก็เลยทำให้เราสามารถสัมผัสพลังงานของสิ่งต่าง ๆ รอบข้างตัวเราได้ แล้วก็ยังทำให้คนอื่นสัมผัสพลังงานของเราได้ด้วยเช่นเดียวกัน
นอกไปจากนั้น จักระยังมีฟังก์ชันการใช้งานเฉพาะ ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ที่ตำแหน่งไหน โดยตำแหน่งของจักระนั้นสัมพันธ์กันกับระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมนและต่อม) และสัมพันธ์กับตำแหน่งของอวัยวะต่าง ๆ แน่นอนว่าต่อมและอวัยวะต่าง ๆ นั้นต้องการพลังงานเป็นจำนวนมากเพื่อไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและจักระก็สามารถให้พลังงานกับอวัยวะและต่อมเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จักระมีความน่าสนใจเพราะว่า …
“จักระนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”
จักระมีความเป็นไดนามิกในธรรมชาติ ซึ่งหมายความว่าไม่คงที่และเปลี่ยนแปลงเสมอ
ขึ้นอยู่กับพลังงานรอบตัวเราหรือพลังงานภายในตัว ณ ตอนนั้นเป็นอย่างไรก็จะส่งผลกับจักระของเราไปด้วย ซึ่งพลังงานเหล่านี้สามารถทำให้จักระเปลี่ยนรูปร่าง ทิศทางการหมุน หรือแม้แต่ตำแหน่งไปได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้นการเรียนรู้แต่ละจักระนั้นค่อนข้างมีความสำคัญมาก รวมทั้งวิธีที่จักระต่าง ๆ มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เพราะว่ามันสามารถส่งผลถึงสุขภาพ อารมณ์ ความคิด ความเป็นอยู่ ความมีชีวิตชีวา และการพัฒนาตนเองด้วยเช่นเดียวกัน
ที่จริง ๆ แล้วจักระมีอยู่มากมายหลายจักระ ทั้งจักระหลักและจักระย่อยภายในร่างกาย ถึงขนาดมีมากถึง 100 กว่าจักระ และยังรวมถึงจักระที่อยู่นอกร่างกายทั้งด้านบนขึ้นไปและด้านล่างลงไป แต่จักระอื่น ๆ นอกเหนือไปจากจักระในร่างกายแล้ว เป็นไปเพื่อการพัฒนาจิตวิญญาณทั้งนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตบนโลกหรือเรื่องสุขภาพซักเท่าไหร่ค่ะ
ส่วนจักระย่อย ๆ นั้น หากจักระหลักทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จักระย่อย ๆ เหล่านั้นก็ทำงานได้อย่างดีตามไปด้วยโดยอัตโนมัติ ดังนั้นในเบื้องต้นเราจะมากล่าวถึงจักระหลัก ๆ ที่มีผลกับเราโดยตรงกันก่อนค่ะ
โดยทั่วไปจักระหลักที่เกี่ยวข้องกับร่างกายและส่งผลกับพลังงานในร่างกายโดยตรง อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายเรา มีอยู่ 7 จักระหลักค่ะ ประกอบไปด้วย…
จักระที่ 1 Base Chakra
จักระที่ 2 Sacral Chakra
จักระที่ 3 Solar Plexus Chakra
จักระที่ 4 Heart Chakra
จักระที่ 5 Throat Chakra
จักระที่ 6 Third Eye Chakra
จักระที่ 7 Crown Chakra
แต่หากคุณเริ่มจะสนใจในเรื่องพลังงานแล้ว จักระที่ควรต้องรู้มีอีก 2 จักระย่อยค่ะ เพราะว่ามันจำเป็นแล้วก็ง่ายที่สุดที่จะใช้ในการสัมผัสพลังงาน รับ-ส่งพลังงาน ก็คือ
จักระ มือ Hand Chakra
จักระ เท้า Feet Chakra
เรามาเริ่มกันที่จักระแรกกันเลยดีกว่าค่ะ …..
จักระที่ 1 : Base Chakra หรือ Root Chakra
ภาษาสันสกฤต : มูลาธาระ ( Muladhara)
ตำแหน่งของจักระ : ปลายกระดูกสันหลังหรือก้นกบ, ฝีเย็บ
จักระที่ 1 นี้เกี่ยวข้องกับการมีชีวิตอยู่บนโลกนี้มากที่สุดเลยค่ะ เพราะเป็นจักระที่เกี่ยวกับการมีชีวิตรอด เกี่ยวกับเรื่องความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ การตอบสนองด้วยสัญชาตญาณต่อความอยู่รอด ความปลอดภัยในชีวิต จักระนี้เป็นจักระที่เชื่อมต่อเรากับโลกไว้
ดังนั้นเมื่อจักระ 1 ทำงานได้อย่างดี มีความสมดุล ก็จะทำให้เราสามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของโลก เพราะรู้ว่าควรจะต้องทำอะไรเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ มีความสุขไปกับประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้พบเจอบนโลก มี “ความอุดมสมบูรณ์”
จักระที่ 1 จึงเป็นจักระที่มีความสำคัญมากในการใช้ชีวิตอย่างยิ่งเลยค่ะ เรียกว่าเป็นสิ่งพื้นฐานในการดำรงชีวิตอยู่เลยก็ว่าได้
เนื่องจากตัวจักระ 1 เนี่ยมันเกี่ยวข้องกับการมีชีวิตรอด ความปลอดภัย
ดังนั้นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับการทำงานอย่างปกติสุขของจักระ 1 นั่นก็คือ “ความกลัว”
ถ้าหากจักระ 1 เกิดภาวะขาดสมดุลหรือถูกบล็อก ส่วนใหญ่ก็มักเป็นความกลัวที่มีอยู่ภายในตัวเรา หรือการที่เรารู้สึกว่าขาดตลอดเวลา ทำยังไงก็ไม่พอซักที เช่น กลัวอดอยาก กลัวไม่มีกิน กลัวไม่มีความปลอดภัย กลัวไม่มีที่อยู่ รวม ๆ แล้วก็คือกลัวไม่สามารถอยู่รอดบนโลกได้ ดังนั้นจึงทำให้คนนั้นมีความสนุกสนาน เพลิดเพลินไปกับการใช้ชีวิตได้ยากกว่าปกติ เป็นต้น
จักระที่ 2 : Sacral Chakra หรืออีกชื่อว่า Sex Chakra
ภาษาสันสกฤต : สวาธิษฐาน ( Swadhisthana)
ตำแหน่งของจักระ : ปลายกระดูกสันหลังหรือก้นกบ, ฝีเย็บ
จักระที่ 2 นี้ถ้าแปลตามตัวก็เรียกว่าเป็นจักระศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่ระหว่างสะดือและฝีเย็บ เกี่ยวข้องกับอารมณ์ การแสดงออกทางเพศ ความสนิทสนม ความหลงใหล ความสุข ความคิดสร้างสรรค์ การแสดงออกและความเพลิดเพลิน
ซึ่งทําให้จักระนี้มีการทํางานเมื่อมุ่งเน้นไปที่ด้านเพศหรือความสุขของชีวิต (ไม่เกี่ยวข้องกับรสนิยมทางเพศนะคะ) ทั้งหมดที่เกี่ยวกับความหลงใหลความสุขและประสบการณ์ การรักษาอารมณ์และความสมดุล รวมทั้งการสัมผัสทางกาย สกินชิปก็เกี่ยวข้องกับจักระ 2 ด้วยเช่นกัน
เมื่อจักระ 2 ทํางานอย่างเหมาะสม สมดุล เราก็จะมีทั้งความสนุกสนาน ความตื่นเต้น ประสบการณ์ต่าง ๆ ซึ่งทำให้เรานำมาซึ่ง “ความคิดสร้างสรรค์ ” และสร้างความคิดใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น แล้วก็ยังทำให้มีความรู้สึกสงบสุขและมั่นคงในตัวเองอีกด้วยค่ะ
==>ลองสังเกตดูว่านักแสดงหรือคนที่เป็นนักสร้าง ความคิดสร้างสรรค์หลาย ๆ คนในต่างประเทศ มักจะมีการเปิดเผยเรื่องการแสดงออกทางเพศอยู่หลายคน โดยเฉพาะในประเทศที่มีความเสรีทางสังคม ดังนั้นเหล่านี้เป็นสิ่งที่สัมพันธ์กันทั้งหมดค่ะ
“ความรู้สึกผิด” เป็นสิ่งที่ทำลายธรรมชาติของการไหลของ อารมณ์และพลังงานทางเพศที่ไหลผ่านร่างกาย แล้วก็ขัดขวางเราไม่ให้เข้าถึงความสัมพันธ์ทางอารมณ์และทางเพศกับผู้อื่นด้วยค่ะ
จักระที่ 3 : Solar Plexus Chakra
ภาษาสันสกฤต : มณีปุระ ( Manipura)
ตำแหน่งของจักระ : กลางท้อง ระหว่างกลางหน้าอกและสะดือ
จักระที่ 3 นี้หลาย ๆ ที่จะเรียกตรงนี้ว่าเป็นเสมือนพระอาทิตย์ เป็นจุดศูนย์กลางของร่างกาย เป็นศูนย์กลางของบุคลิกภาพ เกี่ยวข้องกับความเป็นตัวตน นอกไปจากนั้นจักระนี้ยังเกี่ยวข้องกับพลังส่วนบุคคลและการดึงดูดพลังแห่งเจตจํานง เรื่องเกี่ยวกับการแสดงออก พลังส่วนบุคคล และความคิดสร้างสรรค์
หากว่าจักระที่ 3 ทํางานได้ดีก็จะสามารถเป็นตัวกระจายพลังงาน ให้พลังงานได้มาก ทำให้สามารถปลดปล่อยพลังสร้างสรรค์จำนวนมหาศาลและแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกไปได้ ทำให้เข้าสู่ “การนับถือตัวเอง”
หากว่าจักระนี้ไม่สมดุล หรือมีพลังงานคั่งมากเกินไป อาจจะทำให้เป็นคนที่มั่นใจมากเกินไปจนกลายเป็นโอ้อวดตัวเองไปเลยค่ะ
สิ่งที่ทำลายความเป็นตัวเองของจักระ 3 ก็คือ “ความละอายใจ” ค่ะ เพราะว่าสิ่งนี้จะทำลายความนับถือตัวเอง พลังความเป็นตัวตน ความสนุกสนานต่าง ๆ และสิ่งที่เราแสดงออกของตัวเอง
ที่น่าสนใจคือตำแหน่งของจักระ 3 อยู่ใกล้กับต่อมหมวกไตซึ่งเป็นอวัยวะที่สร้างฮอร์โมนคอติซอล หรือว่าฮอร์โมนแห่งความเครียดขึ้นมา และตับอ่อน ซึ่งเป็นต่อมที่ช่วยในการสร้างสมดุลของน้ำตาลในร่างกายเรา
ดังนั้นเวลาที่เราเครียดมาก ๆ คนมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับช่วงท้อง เช่น ปวดท้อง โรคกระเพาะ หรือแม้เที่เราเรียกกันว่าเครียดลงตับก็ใช่ด้วยเหมือนกันค่ะ
จักระที่ 4 : Heart Chakra
ภาษาสันสกฤต : อะนาหตะ ( Anahata)
ตำแหน่งของจักระ : กลางหน้าอก ใกล้หัวใจ
จักระที่ 4 นี้ส่วนใหญ่จะถูกเรียกว่าจักระหัวใจ ซึ่งตำแหน่งที่ตั้งของจักระนี้ไม่ได้อยู่ที่หัวใจอย่างชื่อเรียกนะคะ ^^ แต่อยู่บริเวณกลางหน้าอก ระดับเดียวกับหัวใจนั่นเอง
จักระที่ 4 นี้เป็นจักระที่อยู่ศูนย์กลาง ตรงกลางระหว่างจักระด้านบน และจักระด้านล่าง ดังนั้นจักระนี้จึงเป็นจักระที่สำคัญที่เป็นตัวเชื่อมจักระบน-ล่างไว้ด้วยกัน นอกจากนั้นยังเป็นจักระที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อกับผู้อื่น ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น การให้อภัยและการยอมรับ ผ่านจักระหัวใจ “ความเมตตา” และความรักอันบริสุทธิ์หลั่งไหลเพื่อผู้อื่น เป็นจักระที่สามารถให้พลังงานได้มากๆเลยค่ะ
หากว่าจักระหัวใจนี้มีความสมดุลและมีความแข็งแรงก็จะทำให้พลังงานไหลผ่านไปยังจักระอื่นได้อย่างง่ายดายด้วยเช่นเดียวกัน แล้วก็ยังช่วยให้มีความเป็นศูนย์กลางมากขึ้น ทำให้สุขภาพจิตดีตามไปด้วยเช่นเดียวกันค่ะ
หากจักระหัวใจไม่สมดุล ก็อาจทำให้อารมณ์ไม่เสถียร เหวี่ยงขึ้น เหวี่ยงลง หรือมีอารมณ์มากกว่าปกติ เช่น เศร้าผิดปกติ หดหู่ รู้สึกหมดเรี่ยวแรง หรืออาจจะรู้สึกไม่อยากเชื่อมต่อหรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ด้วยเป็นต้น
สิ่งที่อยู่ต่อต้านการมีความสุข มีความอิ่มเอม ความรัก ความเมตตา นั่นก็คือ “ความเศร้า” ค่ะ สิ่งนี้ตรงข้ามกับความเบาสบายหรือการขยายของจักระหัวใจ ซึ่งโดยมากมักเป็นผลมาจากความบอบช้ำภายในหัวใจค่ะ
จักระที่ 5 : Throat Chakra
ภาษาสันสกฤต : วิศุทธะ ( Vishuddha)
ตำแหน่งของจักระ : กลางลำคอ
จักระที่ 5 นี้เรามักเรียกกันว่าจักระคอค่ะ เนื่องจากตั้งอยู่ตรงกลางลำคอเลย ประมาณบริเวณต่อมไทรอยด์บริเวณคอส่วนล่าง
ดังนั้นเมื่อจักระอยู่ตรงคอแล้วเนี่ย จักระนี้ก็เลยเกี่ยวข้องโดยตรงกับการแสดงออก การสื่อสาร และการพูด จักระนี้เป็นอีกจักระที่แสดงถึงความเป็นตัวของตัวเองเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะการพูดในสิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริง
ลองคิดดูนะคะ ถ้าเกิดว่าเราไม่มีความมั่นใจ ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง ต้องพูดในสิ่งที่ไม่อยากจะพูด หรือบางทีก็พูดอะไรออกไปไม่ได้ เวลาเราพูดหรือสื่อสารอะไรออกไป มันก็ดูประหม่า เก้ ๆ กัง ๆ ติด ๆ ขัด ๆ คนฟังหรือผู้รับสารก็ไม่สามารถรับสารในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
นอกไปจากนั้น จักระคอนี้เกี่ยวกับการการสร้างสรรค์ด้วยนะคะ เพราะเนื่องจากการจะแสดงออกในสิ่งที่สร้างสรรค์ได้นั้น จำเป็นที่จะต้องแสดงออกจากการเป็นตัวของตัวเอง แสดงในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะบอก จะพูด จะสื่อสารออกไป
โดยส่วนใหญ่ถ้าเกิดว่าจักระคอนี้ไม่สมดุล หรือมีบล็อก นอกจากว่าจะทำให้การสื่อสารไม่มีประสิทธิภาพแล้ว ยังรวมถึงการที่ไม่สามารถพูดในสิ่งที่ต้องการจะพูดได้ และมีความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดสิ่งที่อยู่ภายในออกไปได้
แน่นอนว่าจักระ 5 นี้เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร การพูด รวมทั้งการพูดความจริงด้วย ดังนั้น “การโกหก” เป็นสิ่งที่ทำลายล้างการสื่อสารหรือการพูดความจริงอย่างสิ้นเชิง การโกหกบิดเบือนข้อมูลที่แท้จริง ทำลายความสัมพันธ์ทั้งผู้อื่นรวมทั้งตัวเองด้วยค่ะ
🧠 จักระที่ 6 : Third Eye Chakra
ภาษาสันสกฤต : อาชญา ( Ajna)
ตำแหน่งของจักระ : กลางสมอง (ใกล้ต่อมใต้สมองและต่อมไพเนียล)
จักรที่ 6 เรามักเรียกกันว่าจักระตาสาม จักระตาสามส่วนใหญ่สำหรับผู้เริ่มต้นมักสัมผัสได้ว่าอยู่บริเวณกลางหว่างคิ้วค่ะ แต่ตัวจักระอยู่แกนกลางสมองใกล้ต่อมใต้สมองและต่อมไพเนียล
จักระนี้มักจะเกี่ยวข้องกับสัญชาตญาณ การเห็นสิ่งต่าง ๆ ตามที่เป็นอยู่และความเข้าใจทางจิตวิญญาณ การเข้าใจตัวตนและการมองเห็นที่สูงขึ้น ซึ่งอาจเห็นแง่มุมทางจิตวิญญาณของสถานการณ์และเหตุการณ์ต่างๆในมุมที่สูงขึ้นไป ทำให้จักระนี้มีความสำคัญกับการรพัฒนาจิตตวิญญาณเป็นอย่างมาก
คนส่วนใหญ่ที่ฝึกพลังงานหรือเข้าสู่การพัฒนาจิตวิญญาณมักมีความเข้าใจผิดและพยายามหาวิธีการเปิดใช้งานจักระตาสามในรูปแบบต่าง ๆ เพราะคิดว่าจักระตาสามจะทำให้สามาถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ หรือว่าตาทิพย์ได้ จึงพยายามให้ความสนใจที่จักระนี้มากเป็นพิเศษ จนในหลาย ๆ ครั้งพบว่าการพยายามไปโฟกัสกับตาสามมากๆมักจะกลายเป็นการเพ่งหรือการไปพยายามบังคับอยู่เพียงแค่ที่ตาสาม ส่งผลให้จักระทำงานได้ไม่สมดุลเกี่ยวเนื่องต่อพันไปจักระอื่นด้วยเช่นกัน
จักระตาสามมีความความสำคัญต่อการเห็นสิ่งต่าง ๆ และการเข้าใจก็จริงค่ะ แต่ว่าจักระอื่น ๆ ก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน ลองคิดตามง่าย ๆ ค่ะ หากจักระตาสามทำงานดีอยู่จักระเดียว มีพลังมาก ในขณะที่จักระคอ ยังอุดตัน มีบล็อกอยู่ การไหลของพลังงานจากจักระตาสามไปยังจักระอื่นก็ไหลไปไม่ได้ หรือแม้แต่พลังงานจากจักระหัวใจจะไหลขึ้นไปจักระด้านบนก็ไหลไปไม่สะดวกด้วยเช่นเดียวกัน
คนที่จักระตาสามทำงานได้อย่างดี สมดุล ก็จะทำให้สามารถเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้โดยง่าย แล้วก็ทำให้รู้ว่าแล้วควรต้องทำอะไร เพื่อให้เกิดผลแบบที่ต้องการ ทำให้สามารถคาดการณ์ สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามมาได้ เช่น เมื่อเรายืนอยู่บนตึกที่สูงกลางเมือง มองลงไปที่ถนน เราก็เห็นที่ด้านหน้าของถนน มีต้นไม้ล้มตรงสี่แยกกลางถนน และมีเจ้าหน้าที่กำลังขนย้ายต้นไม้ออกจากถนน ซึ่งเราสามารถคาดการณ์ได้ว่าเดี๋ยวอีกไม่เกิน 10 นาที รถจะต้องติดยาวเป็นกิโลแน่ ๆ ทำให้เราสามารถเลือกเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางหรือเลื่อนแผนเดินทางได้ ในขณะที่ผู้คนด้านล่างไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเขาจะได้ผ่านสี่แยกที่ต้นไม้ล้มนั้น หรือเขากำลังติดอยู่บนถนนที่ไม่เห็นต้นไม้ล้มเลยเป็นต้น
หากจักระตาสามไม่สมดุล พลังงานอุดตัน หรือมีปัญหา ก็จะทำให้เข้าใจอะไรได้ยาก ไม่เข้าใจเหตุและผล ไม่ค่อยคิดอย่างเป็นระบบ เป็นต้น นอกไปจากนั้น หากจักระตาสามพลังงานคั่ง เกินสมดุลมากไป ก็อาจทำให้เป็นคนคิดมากเกิด มีเหตุผลมากเกิน และอาจส่งผลให้เกิดความเครียดได้ง่าย เป็นต้น
👑 จักระที่ 7 : Crown Chakra
ภาษาสันสกฤต : สหัสราระ ( Sahasrara)
ตำแหน่งของจักระ : กลางกระหม่อม (ศีรษะด้านบน)
จักระที่ 7 นี้เป็นจักระที่อยู่บนสุดของร่างกายเราค่ะ เป็นจักระที่สำคัญมากในการพัฒนาจิตวิญญาณและการรับพลังจากเบื้องบน จักระนี้ยังรวมถึง การอุทิศตน ความสามัคคี ความฉลาด แรงบันดาลใจและการตระหนักรู้ในตนเอง ซึ่งอาจรวมถึงการเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณและความเป็นตัวของตัวเองสูง จักระที่ 7 นี้เกี่ยวข้องกับการติดต่อกับเบื้องบน จิตวิญญาณ การหยั่งรู้ ไฮเออร์เซล์ฟ(Higher Self) ด้วย เพราะเป็นจักระที่อยู่สูงสุดทางกายภาพแล้ว
(แต่ว่าจักระที่ใช้เชื่อมต่อหรือรับข้อมูลที่สูงกว่ากายภาพหรือที่เหนือกว่าโลกจะใช้จักระ 8 เป็นหลัก)
ในการฝึกพลังงาน เช่น เรกิ เราก็จะรับพลังงานจากจักระที่ 7 เป็นหลัก เป็นเสมือนประตูเข้าของพลังงานสู่ร่างกายเราทางพลังงานของเรา ก่อนที่นำพลังงานเข้ามาสู่จักระอื่น ๆ ต่อไปค่ะ
หากจักระ 7 นี้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ สมดุล ก็จะทำให้เราเข้าใจตัวเอง เข้าใจการเป็นไป ได้รับแรงบันดาลใจ ไอเดีย หรือบางทีเราก็เรียกว่าความคิดสร้างสรรค์หรือ “ปิ๊งแว๊บ” นั่นเองค่ะ เนื่องจากว่าจักระ 7 เปิดรับข้อมูลจากเบื้องบนได้ดี ทำให้สร้างสรรค์ไอเดียต่าง ๆ ที่เกินกว่าเรื่องปกติได้
ถ้าเราจำได้…จักระล่าง ๆ จะเกี่ยวข้องกับเรื่องทางโลก การใช้ชีวิตตามาสัญชาตญาณ การอยู่รอดใช่ไหมคะ…
ดังนั้นไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ ที่มันเกินกว่าปกติหรือเกินกว่าเรื่องทางโลกปกติ พวกนี้จะมาจากจักระข้างบนเป็นหลัก ซึ่งทำให้เรามีความคิดสร้างสรรค์ที่เกินกว่าไอเดียคนปกติหรือเรื่องทางโลกปกติได้ค่ะ เช่น
มนุษย์เรามองเห็นแอปเปิ้ลตกมาเป็นล้าน ๆ ปี ไม่มีใครเคยสงสัยเลยว่าทำไมแอปเปิ้ลถึงตก? ในขณะที่ ไอแซก นิวตัน มองเห็นแอปเปิ้ลตกแล้วก็เกิด “ปิ๊งแว๊บ” ขึ้นมาได้ว่ามันมีบางอย่างที่ทำให้แอปเปิลตกแล้วไม่ลอย แต่กลับตกลงพื้นดิน มันเกิดอะไรซักอย่างขึ้น ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษา ค้นคว้าจนเป็นทฤษฎีกันต่อมาจนแตกแขนงไปอีกหลายทฤษฎีในปัจจุบัน สิ่งที่สำคัญเกินกว่าทฤษฎีที่นิวตันได้คิดค้นขึ้นมา คือแว๊บแรกที่นิวตันเกิดความคิด เกิดไอเดียขึ้นมา นั่นเอง
แน่นอนว่าจักระที่ 7 เกี่ยวกับเรื่องเบื้องบน เรื่องจิตวิญญาณ ไม่ค่อยเกี่ยวกับเรื่องทางโลกซักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หากจักระ 7 อุุดตันหรือไม่สมดุลแล้วจะทำให้ไม่ค่อยสนใจเรื่องจิตวิญญาณ สิ่งมีชีวิตเบื้องบน เทพ เทวดา จักรวาล และมักให้ความสนใจกับใช้ชีวิตบนโลกมากเป็นพิเศษ เช่น การทำงานหนัก การวิตกกับความปลอดภัยมากเกินไป อาจขาดแรงบันดาลใจ เกิดความสับสนในชีวิต ความผิดหวัง เป็นต้น
==>ครบถ้วนทั้ง 7 จักระหลักของร่างกายเรากันแล้วนะคะ ^^
หวังว่าทุกท่านน่าจะพอเข้าใจและเห็นภาพรวมเรื่องของจักระกันมากขึ้น
ต่อไปเรามาว่ากันที่จักระย่อยที่สำคัญมาก ๆ เพราะเป็นจักระที่ใช้ในการรับ-ส่งพลังงานได้ด้วยเช่นเดียวกันค่ะ
🙌 จักระมือ : Hand Chakra
ชื่อจุด : เหลากง (劳宫穴)
ตำแหน่งของจักระ : กลางฝ่ามือ ทั้ง 2 ข้าง
จักระมือ หรือว่าเหลากง นี้เป็นจักระย่อย ที่ทุกคนน่าจะใช้งานกันเป็นประจำทุกวันกันอยู่แล้วค่ะ ^^ โดยเฉพาะถ้าใครเรียนหรือฝึกพลังงาน เช่น ชี่กง เรกิ มาแล้ว น่าจะคุ้นเคยกับจักระมือนี้เป็นอย่างดี เพราะจักระมือนี้เป็นจักระที่ใช้ในการรับ – ส่งพลังงาน รวมทั้งใช้ในการสัมผัสพลังงานได้อย่างดีมาก ๆ สำหรับมือใหม่หรือผู้เริ่มต้นด้วยค่ะ
เนื่องจากว่าจักระมือเนี่ยเป็นจักระที่เรารับรู้ได้ด้วยกายภาพง่ายสุด เพราะอยู่กลางฝ่ามือของเราเลย ดังนั้นจุดจักระเป็นจุดสะสมพลังงาน รวมทั้งรับเข้าและส่งออกด้วย หากมีพลังงานมากระทบกับฝ่ามือของเรา หลาย ๆ ครั้งเราก็มักรู้สึกที่ฝ่ามือของเราก่อนเป็นอันดับแรกเลยค่ะ หรือแม้แต่การที่เราสัมผัสพลังงานของศักดิ์สิทธิ์ ของมีพลัง ของขลัง พระเครื่อง หินคริสตัล ฯลฯ ทุก ๆ อย่าง ในขั้นต้นก็สัมผัสจากจักระมือของเราเนี่ยแหละค่ะ
==> ยังจำได้ว่า สมัยช่วงแรก ๆ ที่เรายังไม่ศึกษาพลังงาน ตอนนั้นเพิ่งเริ่มเรียนคอร์สโหราศาสตร์จีนเลย ยังใหม่มากๆๆๆ ซึ่งตอนที่เรียนนี่ก็จะมีพี่ ๆ ในคลาสที่ค่อนข้างมีประสบการณ์กันมาหลายคน ทั้งคนฝึกชี่กง คงฝึกเสี่ยวโจวเทียน คนนั่งสมาธิ คนฝึกพลังงาน รวมทั้งคนที่เป็นซินแส ซึ่งพี่ ๆ ก็มักจะสรรหาของขลัง ของมีพลังกันมาทดสอบพลังกันตลอดทุกสัปดาห์ ตอนนั้นยังไม่ได้เรียนพลังงาน ยังสัมผัสพลังงานไม่ได้ ก็ได้แต่ยืนมองพี่ ๆ เขาใช้ฝ่ามือแสกน ๆ จับ ๆ สัมผัสพลังของกัน
- แล้วก็คิดว่าเอ มันจะสัมผัสกันยังไง?
- พลังงานถึงมันเป็นยังไง?
- มันจับพลังงานกันได้จริง ๆ หรอฦ
- ก็ได้แต่เก็บคำถามนี้ไว้ …..
จนกระทั่งได้เรียนรู้พลังงาน ได้ศึกษาอย่างจริงจัง ได้สัมผัส รับ-ส่งพลังกันกับเพื่อน ถึงได้เข้าใจว่า
อ้ออออออ ….. มันเป็นแบบนี้ พลังงานของแต่ละอย่างเป็นอย่างนี้นี่เอง!
🗨 ยังจำครั้งแรกที่ใช้มือสัมผัสพลังฮู้ได้อยู่เลยค่ะ ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เอามือไปแสกน ฮู้ อัง ๆ ฮู้ แล้วก็…. เห้ยยยยยย มันมีพลัง มันไม่เหมือนตรงอื่น พอเอาฮู้ออก พลังงานก็เปลี่ยนไป พอเอาฮู้เข้ามาใหม่ พลังงานก็กลับมาใหม่ 5555 ตอนนั้นสนุกสนานกับการใช้มือฝึกสัมผัสพลังงาน เลยเอาของขลังในบ้านมาลองจับหลายอย่างเลย แต่ละอย่างก็มีพลังงานไม่เหมือนกันจริง ๆ ค่ะ (แต่ของพลังงานดีหรือไม่ดี เหมาะหรือไม่เหมาะกับเราก็เป็นอืกเรื่องนึงนะคะ ^^)
==>ดังนั้นจักระมือ ใช้สัมผัสพลังงาน รับ-ส่งพลังงานได้ง่ายที่สุด เหมาะสำหรับการเริ่มต้นสำหรับมือใหม่และผู้เริ่มต้นค่ะ
🍀 จักระเท้า : Feet Chakra
ชื่อจุด : หย่งเฉวียน (涌泉)
ตำแหน่งของจักระ : ฝ่าเท้า ใต้แก้มเท้า (K1) ทั้ง 2 ข้าง
จักระเท้า หรือว่าจุดหย่งเฉวียน ตำแหน่งของจุดนี้จะอยู่ใต้ฝ่าเท้าค่ะ แต่ว่าออกไปทางค่อน ๆ แก้มเท้าหน่อย แนะนำว่าให้เปิด Google เซิร์จหาจุด K1 Meridian หรือจุดเส้นลมปราณไต ได้ค่ะ จุดกลางฝ่าเท้า (K1) เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นลมปราณไตค่ะ ซึ่งไตเนี่ย เป็นอวัยวะที่สำคัญมาก ๆ ของร่างกายเราอวัยวะหนึ่งเลย โดยนอกจากจะทำหน้าที่ขับของเสียออกจากร่างกายแล้ว ยังช่วยสร้างสมดุลของพลังงานในร่างกายเราด้วยเช่นกัน (พอขับของเสียออกไป ทำให้ของดีเข้ามาได้) แล้วก็ยังควบคุมความดันโลหิต , ควมคุมปริมาณน้ำและระดับเกลือแร่ในร่างกาย , ควบคุมความเป็นกรดด่างในร่างกาย เป็นต้น
นอกไปจากนั้น จุดจักระเท้านี่ยังเป็นจักระที่เชื่อมต่อพลังงานกับโลก พลังงานพื้นดิน Gaia, Mother Earth ดังนั้นจึงเป็นจักระที่สำคัญมากในการกราวดิ้ง (Grounding) และการเชื่อมต่อเพื่อรับพลังงานธรรมชาติ พลังงานจากพื้นดิน พื้นโลกเช่นเดียวกันค่ะ
จักระเท้าสำคัญมากในการกราวดิ้ง โดยประโยชน์ของการกราวดิ้งมีมากมาย เช่น
- ทำให้สงบ ปรับสมดุล
- ไม่ฟุ้งซ่าน ล่องลอย
- ปรับสมดุลร่างกาย
- ดึงพลังงานจากพี้นโลก
- ถ่ายพลังงานลบออกจากร่างกาย
==>ดังนั้น จักระเท้าก็เป็นอีกจักระย่อยที่สำคัญมาก ๆ ยิ่งหากเป็นผู้ที่ฝึกชี่กงมาด้วย จักระเท้าจะใช้มากในยืนอรหันต์ และเชื่อมต่อพลังงานพื้นดินพื้นโลกให้มั่นคง แข็งแรง
รวมทั้งยังทำให้เราอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับโลก และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ความเป็นไปของโลกได้เช่นเดียวกันค่ะ
✅ ==> ที่จริงแล้วจักระ กับผลทางกายภาพ ก็เหมือน ไก่กับไข่ ……..
ไม่รู้ว่าอะไรเกิดก่อนอะไร เพราะมันมีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันทั้งหมด เช่น เราจะกล่าวว่าคนที่พลังงานของจักระ 1 ไม่สมดุล มีบล็อก จึงทำให้เกิดความกลัวต่าง ๆ ขึ้น แต่จะบอกว่าก็เพราะว่าคนนั้นมีความกลัวอยู่ภายใน จึงทำให้จักระ 1 มีบล็อก อุดตัน ไม่สมดุล ก็ไม่ได้ผิดไป เพราะทั้งพลังงานและกายภาพมันมีความสอดคล้องสัมพันธ์กันอยู่แล้ว
ดังนั้นเมื่อเราพอเข้าใจและเห็นภาพว่าแต่ละจักระคืออะไร เกี่ยบกับเรื่องอะไร ก็จะพอให้เราตระหนักได้ว่าเรื่องบางเรื่องเป็นเพราะจักระไหน และจักระอะไรส่งผลส่งเสริมกับเรื่องทางกายภาพเราบ้าง เช่น หากใครรู้สึกเศร้า เสียใจ หรือมีอาการแน่นหน้าอกบ่อย ก็อาจจะต้องไปให้ความสนใจและไปจัดการกับจักระที่ 4 สักหน่อย อาจจะเกิดพลังงานไม่สมดุล พลังคั่งหรือพลังอุดตันก็เป็นได้ หากใครที่เรียนเรกิไปแล้วก็อาจจะลองฝึกแสกนจักระ หรือให้เพื่อนลองแสกนเพื่อฝึกไปด้วยก็ได้ เพื่อที่เราจะได้ฝึกการสัมผัสและพัฒนาความสามารถทางจิตไปด้วยค่ะ ^^
==>จักระยังมีเรื่องน่าสนใจและรายละเอียดให้ได้เรียนรู้เข้าใจกันอีกมาก ติดตามอ่านต่อกันได้ค่ะ
สนใจเรียนรู้เรื่องจักระ เรื่องพลังงาน คลาสเรกิญี่ปุ่นดั้งเดิม
#chakra #จักระ #เรกิ #reikithailand
#reiki #reikihealing
#symbol #พลังงาน
#เล่าเรื่องพลังงานด้วยหลักการ #ไลฟ์สไตล์เมดิซิน
#นักฮีลเลอร์พาฮีลลิ่ง #mentalhealth